วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Micro teaching

Micro teaching

                หลักสูตรเป็นการวางแผนเตรียมการเพื่อการจัดการเรียนการสอน การวางแผนเตรียมการนี้จะครอบคลุมถึงทุกสิ่งที่จะเป็นวิถีทางไปสู่ผลลัพธ์ ซึ่งก็คือผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่พึงปรารถนาโดยทั่วไปหลักสูตรจะครอบคลุมถึงองค์ประกอบต่างๆ เช่น มาตรฐานคุณภาพ (Quality Standards) หรือที่เราคุ้นเคยว่า จุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบข่ายเนื้อหาวิชา (Content) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน (Learning Activities) แผนการใช้สื่อการเรียนการสอน (Learning Materials) และแผนการวัดผลประเมินผล (Assessment) การจะเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนได้นั้น ครูผู้สอนจะต้องศึกษาต้องศึกษาวัตถุประสงค์ รวมถึงวิธีการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางฯ ผู้สอนอาจเริ่มต้นจากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนด หรือโดยการกำหนดหัวข้อที่เป็นประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ และมีคุณค่าแก่การเรียนรู้ของผู้เรียน หรือเริ่มจากเนื้อหาในบทเรียนที่มีอยู่เดิม แล้วเชื่อมโยงหัวข้อความรู้จากบทเรียนนั้นๆ ว่าสอดคล้องกับมาตรฐานตัวชี้วัดข้อใดบ้าง
              
                การออกแบบการเรียนการสอนในรูปแบบ Task based ซึ่งเป็นการออกแบบการเรียนการสอนที่มีกระบวนการพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานตัวชี้วัดค่อนข้างชัดเจน โดยยึดเอาผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนตามมาตรฐานตัวชี้วัดเป็นตัวตั้ง จึงต้องเริ่มจากการวิเคราะห์มาตรฐานตัวชี้วัด เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ก่อน แล้วจึงกำหนดชิ้นงานที่ต้องการให้ผู้เรียนปฏิบัติ พร้อมทั้งกำหนดเกณฑ์ ในการประเมินผลงาน แล้วจึงกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกันตามลำดับ การออกแบบการเรียนรู้แบบ Task based จึงเป็นการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีการจัดการเรียนรู้ที่ให้ความสำคัญในภาระงาน  หรือจะให้ความหมายที่ชัดขึ้นมาอีกนิดก็คือ  การจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติภาระงาน และใช้ความรู้เพื่อปฏิบัติภาระงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ข้อด้อยของการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบนี้คือ ครูผู้สอนจะต้องคอยติดตามกระตุ้น ตลอดจนช่วยเหลือ ให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ยังต้องจัดเตรียมให้ผู้เรียนรับรู้และตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบในการเรียนรู้ และการสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยตนเอง ครูจะต้องให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดในระยะแรกที่ผู้เรียนยังปรับตัวไม่ได้ ตลอดจนครูต้องตระหนักในบทบาทหน้าที่ที่เปลี่ยนไป ทั้งบทบาทการสอน การวัดผลประเมินผล ทั้งนี้หากดำเนินการได้ครบถ้วนก็จะสามารถลดทอนข้อด้อยของการจัดการเรียนรู้แบบนี้ลงได้บ้าง และอาจพบช่องทางในการที่จะพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป

                การออกแบบการเรียนการสอนโดยใช้ Task based และเนื้อหาที่ออกแบบจะต้องสอดคล้องกับจิตสาธารณะของนักศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษในภาคเรียนนี้ มีทั้งนักศึกษาที่ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและนักศึกษาที่ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ได้ค่อนข้างดี ปัญหาที่พบมากที่สุดก็คือ นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่สามารถตั้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้ได้ และเนื้อหาที่นำมาสอนก็ไม่ได้สอดคล้องกับเรื่องจิตสาธารณะทำให้การจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาบางคนนั้นผู้เรียนไม่เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ อีกปัญหาหนึ่งก็คือเรื่องการกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน โดยส่วนใหญ่พบว่านักศึกษาจะคัดลอกเกณฑ์การวัดและประเมินผลมาจากอินเตอร์เน็ต ซึ่งการกระทำแบบนี้ทำให้เกณฑ์การวัดที่นักศึกษานำมาใช้ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบมา ไม่ได้วัดผลในสิ่งที่ต้องการวัด

              จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น สามารถสรุปได้ว่า การกำหนดหลักสูตรที่ดี ก็จะเป็นเสมือนแสงไฟที่ส่องทางไปสู่ความสำเร็จของบุคคลที่เดิน ตามแสงไฟที่ส่องนำทางนี้ แสงไฟจึงต้องส่องแสงไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาคน มิใช่ส่องไปแบบไร้ทิศทาง อย่างไรก็ตาม หลักสูตรต้องเป็นที่เข้าใจได้ (Comprehensiveness) สำหรับผู้ใช้หลักสูตร ต้องมีความเป็นเหตุเป็นผล (Cogency) มีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน (Coherency) และมีความกลมกลืน (Consonance) ทั้งในส่วนของวิชาเดียวกันที่สอนในชั้นที่ต่างระดับกัน และการออกแบบการเรียนการสอนโดยใช้ Task based นั้นก็เป็นวิธีการออกแบบการจัดการเรียนรู้อีกวิธีการหนึ่งที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการเรียนรู้ด้วยตนเอง อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนรู้ได้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์ของการเรียนรู้อย่างแท้จริงในชีวิตประจำวัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น