Micro
teaching
หลักสูตรเป็นการวางแผนเตรียมการเพื่อการจัดการเรียนการสอน
การวางแผนเตรียมการนี้จะครอบคลุมถึงทุกสิ่งที่จะเป็นวิถีทางไปสู่ผลลัพธ์ ซึ่งก็คือผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่พึงปรารถนาโดยทั่วไปหลักสูตรจะครอบคลุมถึงองค์ประกอบต่างๆ
เช่น มาตรฐานคุณภาพ (Quality Standards) หรือที่เราคุ้นเคยว่า
จุดประสงค์การเรียนรู้ ขอบข่ายเนื้อหาวิชา (Content) แผนการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
(Learning Activities) แผนการใช้สื่อการเรียนการสอน (Learning
Materials) และแผนการวัดผลประเมินผล (Assessment) การจะเขียนแผนการจัดการเรียนรู้ในแต่ละแผนได้นั้น ครูผู้สอนจะต้องศึกษาต้องศึกษาวัตถุประสงค์
รวมถึงวิธีการพัฒนาผู้เรียนให้บรรลุเป้าหมายตามมาตรฐานตัวชี้วัดที่กำหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางฯ
ผู้สอนอาจเริ่มต้นจากการวิเคราะห์มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กำหนด หรือโดยการกำหนดหัวข้อที่เป็นประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ
และมีคุณค่าแก่การเรียนรู้ของผู้เรียน หรือเริ่มจากเนื้อหาในบทเรียนที่มีอยู่เดิม แล้วเชื่อมโยงหัวข้อความรู้จากบทเรียนนั้นๆ
ว่าสอดคล้องกับมาตรฐานตัวชี้วัดข้อใดบ้าง
การออกแบบการเรียนการสอนในรูปแบบ Task based ซึ่งเป็นการออกแบบการเรียนการสอนที่มีกระบวนการพัฒนาผู้เรียนไปสู่มาตรฐานตัวชี้วัดค่อนข้างชัดเจน โดยยึดเอาผลลัพธ์สุดท้ายที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับผู้เรียนตามมาตรฐานตัวชี้วัดเป็นตัวตั้ง จึงต้องเริ่มจากการวิเคราะห์มาตรฐานตัวชี้วัด เพื่อกำหนดเป็นเป้าหมายของการจัดการเรียนรู้ก่อน แล้วจึงกำหนดชิ้นงานที่ต้องการให้ผู้เรียนปฏิบัติ พร้อมทั้งกำหนดเกณฑ์ ในการประเมินผลงาน แล้วจึงกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอนให้สอดคล้องกันตามลำดับ การออกแบบการเรียนรู้แบบ Task based จึงเป็นการออกแบบหลักสูตรการเรียนการสอนที่มีการจัดการเรียนรู้ที่ให้ความสำคัญในภาระงาน หรือจะให้ความหมายที่ชัดขึ้นมาอีกนิดก็คือ การจัดการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติภาระงาน และใช้ความรู้เพื่อปฏิบัติภาระงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ ข้อด้อยของการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบนี้คือ ครูผู้สอนจะต้องคอยติดตามกระตุ้น ตลอดจนช่วยเหลือ ให้กำลังใจอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับเปลี่ยนแก้ไขพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ยังต้องจัดเตรียมให้ผู้เรียนรับรู้และตระหนักถึงหน้าที่รับผิดชอบในการเรียนรู้ และการสร้างสรรค์ชิ้นงานด้วยตนเอง ครูจะต้องให้การช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดในระยะแรกที่ผู้เรียนยังปรับตัวไม่ได้ ตลอดจนครูต้องตระหนักในบทบาทหน้าที่ที่เปลี่ยนไป ทั้งบทบาทการสอน การวัดผลประเมินผล ทั้งนี้หากดำเนินการได้ครบถ้วนก็จะสามารถลดทอนข้อด้อยของการจัดการเรียนรู้แบบนี้ลงได้บ้าง และอาจพบช่องทางในการที่จะพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ให้ดียิ่งๆ ขึ้นต่อไป
การออกแบบการเรียนการสอนโดยใช้
Task
based และเนื้อหาที่ออกแบบจะต้องสอดคล้องกับจิตสาธารณะของนักศึกษาหลักสูตรภาษาอังกฤษในภาคเรียนนี้
มีทั้งนักศึกษาที่ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ได้อย่างยอดเยี่ยมและนักศึกษาที่ออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้ได้ค่อนข้างดี
ปัญหาที่พบมากที่สุดก็คือ นักศึกษาส่วนใหญ่ไม่สามารถตั้งจุดประสงค์การเรียนรู้ให้สอดคล้องกับตัวชี้วัดและมาตรฐานการเรียนรู้ได้
และเนื้อหาที่นำมาสอนก็ไม่ได้สอดคล้องกับเรื่องจิตสาธารณะทำให้การจัดการเรียนรู้ของนักศึกษาบางคนนั้นผู้เรียนไม่เกิดการเรียนรู้ตามจุดประสงค์ที่ตั้งไว้
อีกปัญหาหนึ่งก็คือเรื่องการกำหนดเกณฑ์การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
โดยส่วนใหญ่พบว่านักศึกษาจะคัดลอกเกณฑ์การวัดและประเมินผลมาจากอินเตอร์เน็ต
ซึ่งการกระทำแบบนี้ทำให้เกณฑ์การวัดที่นักศึกษานำมาใช้ไม่สอดคล้องกับแผนการจัดการเรียนรู้ที่ออกแบบมา
ไม่ได้วัดผลในสิ่งที่ต้องการวัด
จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น
สามารถสรุปได้ว่า การกำหนดหลักสูตรที่ดี
ก็จะเป็นเสมือนแสงไฟที่ส่องทางไปสู่ความสำเร็จของบุคคลที่เดิน ตามแสงไฟที่ส่องนำทางนี้
แสงไฟจึงต้องส่องแสงไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาคน มิใช่ส่องไปแบบไร้ทิศทาง
อย่างไรก็ตาม หลักสูตรต้องเป็นที่เข้าใจได้ (Comprehensiveness) สำหรับผู้ใช้หลักสูตร ต้องมีความเป็นเหตุเป็นผล (Cogency) มีความเกี่ยวเนื่องเกี่ยวพัน (Coherency) และมีความกลมกลืน
(Consonance) ทั้งในส่วนของวิชาเดียวกันที่สอนในชั้นที่ต่างระดับกัน
และการออกแบบการเรียนการสอนโดยใช้ Task based นั้นก็เป็นวิธีการออกแบบการจัดการเรียนรู้อีกวิธีการหนึ่งที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนได้ฝึกฝนการเรียนรู้ด้วยตนเอง
อันจะเป็นแนวทางในการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้
เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต เรียนรู้ได้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลก เพื่อให้ผู้เรียนได้ใช้ประโยชน์ของการเรียนรู้อย่างแท้จริงในชีวิตประจำวัน